พามำแกงเขียวหวานสูตรโบราณกันนะครับ

พามำแกงเขียวหวานสูตรโบราณกันนะครับ

วันนี้เราจะมาพามำแกงเขียวหวานสูตรโบราณกันนะครับ
– เนื้อลูกมะพร้าว ครึ่ง กก. หั่นอย่าหนา อย่าบางเกินไปนัก
– เนื้อเสือร้องไห้ มันแข็ง ครึ่ง กก. หั่นอย่าหนา อย่าบางเกินไปนัก
– น้ำพริกแกงเขียวหวาน 2.5 ขีด
– พริกขี้หนูสวน 2 ขีด
– มะเขือเปราะ 3 ขีด
– มะเขือพวง 2 ขีด
– ใบมะกรูดฉีก 2 ฟายมือ
– ใบโหระพาเด็ด 4 ขีด
– พริกชี้ฟ้าหั่น 2 ขีด
– มะละกอดิบ ฝานขวางลูก 1 ลูก

เครื่องปรุงรสก็ทั่วไป เกลือทะเล น้ำปลา น้ำตาลโตนด เนื้อวัวส่วนลูกมะพร้าวนั้น เนื้อจะแน่น หั่นแล้วสวย ไม่ลุ่ยง่าย เนื้อเสือร้องไห้นั้นมีมันแข็ง ที่เคี่ยวแล้วไม่เละ กินอร่อยอันดับแรก เรามารวนเนื้อ az pneumatic valve กันก่อนครับนำเนื้อวัวลงกระทะใบใหญ่ เปิดไฟกลาง ๆ ให้ความร้อนค่อย ๆ ขยาย เนื้อเริ่มส่งเสียงฉี่ฉ่า เราก็เริ่มให้ตะหลิว ใช้พาย คนเนื้อกันครับพอเนื้อเริ่มมีน้ำออกมา เราพรมน้ำปลาให้ทั่ว ๆ ครับ แล้วผัด ๆ คน ๆ ไปเรื่อย ๆ ครับพอเนื้อเริ่มสุกกันแล้ว เราใส่ใบมะกรูดฉีกลงไปซักฟายมือครับ ผัด ๆ ให้เข้ากันและหอมฟุ้งครับ ใส่หางกะทิลงในกระทะให้พอท่วมเนื้อรวนครับ วางชิ้นมะละกอดิบลงไป เราไม่ต้องปอกเปลือกนะครับ ล้างทั้งลูก หั่นตามขวางลูก แคะเม็ดออกไป แล้ววางในหม้อเลยครับ

นี่คือเคล็ดลับคนโบราณ ให้เคี่ยวเนื้อวัวเหนียวๆ เคี่ยวเครื่องในวัวให้เปื่อยนุ่มในเวลาไม่เกิน 40 นาที ด้วยวัสดุจากธรรมชาติครับผม เคี่ยวไป 20 นาที az pneumatic valve ก็ใกล้จะใช้ได้แล้ว เราก็เอาชิ้นมะละกอออกมาทิ้งไป หรือจะเอาไปจิ้มน้ำพริกปลาร้า ก็เด็ดครับ ไม่ทิ้งไปเปล่า ๆเคี่ยวต่ออีก 15 นาที เนื้อเปื่อยได้ที่ถูกใจมาก เราช้อนหัวกะทิ ใส่ในกระทะ ตั้งให้ร้อนดีพริกแกงเขียวหวานที่มี ชายกางนำพริกขี้หนูสวน ยี่หร่าป่น ลูกผักชีป่น อีกอย่างละช้อนชา มาโขลกรวมกัน ให้เข้ากัน ผัดกับหัวกะทิให้หอม ใช้ไฟกลาง ๆ ไปเรื่อย ๆ ให้หอม ใจเย็น ๆ พอหอมติดจมูก เราจะเติมหัวกะทิลงไปเพิ่มให้น้ำพริกแกงผัดของเรา มากขึ้น เรียกมันมาชักเงาให้สวยงาม

จากนั้นเราก็ยกกระทะมาเทพริกแกงที่เราผัดนั้น มาใส่ในหม้อเนื้อที่เราเคี่ยวกับหางกะทิจนนุ่มไว้ คนให้ทุกอย่างเข้ากัน เปิดไฟแรงตัวน้ำพริกแกง ที่ผัดไว้สวยงาม จะไปร่วมมือกับน้ำมันเนื้อ ที่ลอยหน้าอยู่ กลายมาเป็นสีเขียวลอยหน้าสวยงามครับยกมาดูใกล้ ๆ ตอนนี้ az pneumatic valve หัวกะทิที่เหลือ ลงไปให้หมดเลย เราจะเริ่มปรุงรสกันแล้วครับ น้ำแกง ตอนนี้ เข้าไปซึมอยู่ในเนื้อแล้วครับเกลือทะเล เราใส่ตั้งแต่แรก ตอนรวนเนื้อกันรอบนึงแล้ว เราจะเพิ่มรสเค็มตอนนี้ ด้วยเกลือทะเลครับ เอาแค่มีรสเค็มปะแล่ม ๆ พอนะครับ ใจเย็น ๆ ใส่ทีละน้อย และ ต้องชิมทุกครั้งครับ พอเค็มปะแล่ม ๆ “ปูรส ” กันแล้ว

เราก็พรมน้ำปลาเพิ่มรสเค็มและความหอมของน้ำปลาลง จำไว้มาก ๆ เลยนะครับ แกงเป็นหม้อ ๆ นั้น ถ้าคุณใส่น้ำปลาจนเค็มได้ที่ในแกงหม้อนั้นๆ แทบเททิ้งทั้งหม้อ ด้วยความคาวของน้ำปลาครับ น้ำปลาจะอร่อย ต่อเมื่อ “ พอเหมาะ พอดี “ครับ เติมชูรสแบบอูมามิเมืองไทยลงไป ด้วยน้ำตาลโตนดครับ การที่เราใส่น้ำตาลปี๊บนี้ลงไป ทำให้รสชาติกลมกล่อมครับ ชื่อว่าแกงเขียวหวาน แต่ไม่ใช่แกงนี้ต้องรสหวานนำโด่นะครับ เราจะหวานแค่นำมาดันรส ผสานรสเท่านั้นครับชิมกันเรื่อย ๆ

จนถูกใจครับ จากนั้น เราจะเปิดไฟแรง ให้แกงเราเดือดพล่านๆ และเราจะมีเมนู az pneumatic valve แถมเพิ่มกันนิดนึงครับเราเร่งไฟแรง ให้แกงเดือดแรง ๆ ใส่มะเขือเปราะลงไปทันที และคนทันทีให้มะเขือโดนน้ำแกงร้อน ๆ ให้เร็ว ๆ ทั่ว ๆ กัน นี่คือเคล็ดลับที่จะทำให้มะเขือไม่ดำครับจากนั้น ก็ถึงคิวมะเขือพวง ใส่ตอนแกงเดือด ๆ เช่นกัน ใส่แล้วคนกระจายตัวทันที ให้โดนน้ำแกงร้อน ๆ ทันทีเช่นกันครับ คนให้มะเขือสองชนิด กระจาย ๆ ด้วยไฟแรงตลอด ใส่พริกชี้ฟ้าหั่นแฉลบลงไปตกแต่งให้สวยงามตามด้วยใบโหระพาที่เราจะใส่ตอนแกงเดือด แกงร้อน เป็นอันว่า เสร็จสิ้นในการแกงเขียวหวานเนื้อของเราครับ